วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เดือนแห่งความสุข...และความทรงจำที่ "สุขยิ่งกว่า"





ผมจำห้วงเวลานี้ได้ดี.... เดือนธันวา ถือเป็นเดือนที่ผมและเพื่อน ๆ สงขลาวัฒนา เรียกมันว่า "เดือนแห่งความสุข"

เพราะเหตุผลเดียวของเด็ก ๆ คือ เดือนนี้พวกเราเรียนหนังสือน้อยลงไปอีกอย่างน้อยก็วันละ ครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมง

เวลาที่น้อยลงเหล่านั้นจะถูกสอดแทรกตามโอกาส และแต่ละห้องเรียนตามความเหมาะสม เพราะเป็นเวลาที่เด็ก ๆ ต้องหัดร้องเพลงคริสต์มาส

ผมเป็นเด็กพุทธ พร้อมๆ กับเป็นนักร้องเพลงคริสต์มาสในเดือนเดียวกัน ...ก็ไม่ต่างจากเพื่อน ๆ หลายคนที่อยู่ในสถานะเดียวกัน

หลังเชิญธงชาติเสร็จ... พวกเราสวดมนต์เพราะคุณลุงสมนึกท่านเป็นพุทธศาสนิก และไม่นานจากนั้นถ้าคาบว่างพวกเราก็ ร้องเพลงคริสต์มาส ..มันเป็นความสมานฉันท์ในทางศาสนาที่หาไม่ได้ในที่ใด

ผมไม่ได้เป็นนักร้องดีเด่อะไรนักเมื่อเทียบกับ เพื่อนหญิงอาหมวยตัวขาวหยั่งกะหยวกที่ครองตำแหน่งนั่งโต๊ะหน้าในฐานะเรียนเก่งมาตลอด 3 ปี แห่งการเรียนระดับมัธยม แถมยังร้องเสียงสดใสหยั่งกะจิ๊งหรีดจนถูกเลือกเป็นผู้ร้องขึ้นนำเสียงมาตลอด

แต่เด็กบ้าน ๆ ตัวดำเรียนอ่อนค่อนไปทางมึน...นั่งหลังห้องอย่างผม.. ก็อาจมีดีตรงโทนเสียงที่มันต่ำกลับกลายเป็นประโยชน์เมื่อคุณป้าสมใจท่านให้พวกเราหัดร้องในโทนเสียงที่ควรจะเป็น

เจ้าเพื่อนชายตัวเล็กจอมตืดขี้วีนประจำห้องกลายเป็นนักร้องเสียงกลาง ๆ ค่อนสูงซึ่งผมมาเข้าใจในภายหลังว่านั่นคือเสียงเทเนอร์.. ส่วนผมกับเจ้าซี้ที่พูดกะใครทีโทนเสียงหยั่งกะคนนั่งบ่นในโอ่งน้ำ ท่านก็ให้ร้องเสียงต่ำหรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่าเสียงเบส

การร้องคละเสียงทั้งชายหญิง แม้นรวม ๆ แล้วใหม่ ๆ มันจะออกมากะรุ่งกะริ่งฟังแล้วยังกะพ่อค้าแม่ค้าทะเลาะกันในตลาด ...แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักสองสามรอบ และสิ่งที่เรียกว่า "ความภูมิใจ" มันเริ่มเข้าแทนที่ความคึกคะนอง!

หลายคนเริ่มตั้งใจร้องเพลงร่วมมากขึ้น ๆ และซ้ำ ๆ กันจนใครหลายคนฟังแล้วมันก็พอสรุปว่า น่าจะมีแววเข้าที่เข้าทางของความหมายของคำว่า "คอรัส" ได้ไม่เลวนัก





อีกไม่กี่วันนับจากนี้ในอดีตวันนั้น ...มันกำลังนับถอยหลังความทรงจำที่ตื่นเต้น สำหรับทุกคนที่เคยแต่งตัวสวยงาม...ภาระกิจการเล่นละครที่ทุกคนต้องเล่นกันให้สมบทบาทโชว์น้อง ๆ วัยประถมที่นั่งยืนเชียร์หน้าเวที.... และที่สำคัญ ใครหลายคนได้แต่งหล่อ..สวย และลุ้นสำหรับของขวัญที่เราแลกกัน สำหรับคนพิเศษในใจวันนั้น

ความสวยงามของคริสต์มาส...เป็นความสุขสากลทั่วโลก
และที่สำคัญมันคือการถอยกลับไปสู่ห้วงเวลาพิเศษ ที่เราจะสัมผัสถึงบรรยากาศของอดีตที่แม้นไม่หวนคืน..แต่อาจดื่มด่ำได้ตราบที่เรารำลึกถึง

นับจากนี้ไม่กี่วัน...เสียงกรุ๊งกริ๊งๆ ของกระดิ่งซานต้าและจากปลอกคอเรนเดียร์ จะกลับมาคว้าวัยเยาว์ของพวกเราให้กลับคืนสู่ความรู้สึกอีกครั้ง...แม้นจะเพียงระยะเวลาสั้น แค่วันเดียว แต่ก็นับเป็นโอกาสที่พวกเรา..เด็กสงขลาวัฒนา ควรจะได้รอคอยและดึงความสุขนั้นมาเติมเต็มความทรงจำดีๆ อีกครั้ง มิใช่หรือ?

1 ความคิดเห็น: