วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556

“อาแปะ...ผมขอโทษ!”


มีภาพที่เจอใน facebook….รวมทั้งภาพหมวกกะโล่ ผมหวนกลับคิดถึงอดีตอันสนุกสนานเมื่อยามเป็นได้ชื่อว่าเป็น “นักเรียนสงขลาวัฒนา” ในช่วงนั้น.

ถ้าใครที่เป็นลูกศิษย์สงขลาวัฒนาช่วงระหว่างปี พ.ศ.2522 – 2525 ช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงที่ถือได้ว่าเป็นยุครุ่งโรจน์ของ สงขลาวัฒนาก็ว่าได้ ที่บอกเช่นนั้นก็เพราะหลังจากนั้น


ครูบาอาจารย์คนสำคัญหลายท่านก็ได้ลาออกไปเพื่อไปรับหน้าที่ครูในราชการเสียหลายท่าน แต่สิ่งที่เด็กสงขลาวัฒนารุ่นนั้นมักจะจำได้ก็คือ ที่หน้าโรงเรียน


 ในเวลาช่วงโรงเรียนเลิก เส้นทางนับแต่หน้าโรงเรียนไล่ไปจนถึงบริเวณสนามหญ้าสวนรถไฟ และสนามฟุตบอล (ที่ตั้งโรบินสันปัจจบัน) สองฝั่งมักเต็มไปด้วยอาหารการกินหลากหลาย โดยเฉพาะแถวสนามรถไฟโชว์ที่เต็มมไปด้วยขนมและของกินเล่นอย่างลูกชิ้นปิ้ง,หมึกย่างเจ๊เลี่ยง...หรือมันเดือยของอาแปะที่มีมักคาบยาสูบไว้ข้างมุมปากเป็นเอกลักษณ์ประจำ


หมวกกะโล่ที่อาแปะมักสวมประจำ


ที่หน้าโรงเรียน...เด็กทุกคนจะห้อมล้อม อาแปะรถเข็นน้ำแข็งใส อายุอานามในตอนนั้นอาแปะก็เลยหกสิบปลายย่างเจ็ดสิบเข้าไปแล้ว แต่แม้แกจะอายุเยอะ...และรูปร่างดูผอมแห้ง ทว่าแก็คล่องแคล่วและแข็งแรงดี


รถเข็นคันเล็กสำหรับอุปกรณ์ขายน้ำแข็งใส...และพวกขนมขบเคี้ยวแขวนเป็นระโยงระยางในรถเข็น รวมทั้งน้ำแข็งใสอาแปะที่บรรจงใส่ทั้งน้ำหวานสีแดง..เขียว และท้อปปิ้งด้วยนมข้น ทำให้เด็ก ๆ ยอมจ่ายเงินเพื่ออุดหนุนอาแปะแกเป็นประจำ



เอกลักษณ์ประจำที่อาแปะไม่เคยเปลี่ยนคือ หมวกกะโล่สีขาวที่สวมประจำ...เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขาวก๊วยสีดำ

..สามอย่างนี้อาแปะแกไม่เคยสวมอย่างอื่นเลย... เสียงขูดน้ำแข็งแบบโบราณดังครืดๆ

...บ่อยครั้งที่ผมกับเพื่อนชอบเอามือไปรองและเอาน้ำแข็งอาแปะมากินเล่นก่อนจะซื้อ.. หลายครั้งเหมือนกันที่อาแปะ ต้องส่งเสียงเอ็ด “ไอหย๋า..ลื้ออย่าทำอย่างนี้นา”


แต่การขู่ของอาแปะก็ไม่เคยทำให้ผมและก๊วนรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย วันนั้น....อากาศร้อนแสนร้อน ก๊วน ม.ศ. 3 สี่ห้าคนที่ถือเป็นตัวแสบประจำห้อง ก็ถือโอกาสห้อมล้อมอาแปะ..พร้อม ๆ กับแก็งค์เด็กเล็ก ๆ แบบที่เป็นประจำทุกวัน

อาแปะแกวุ่นวาย...พร้อมเด็กล้อมหน้าล้อมหลังจนกระทั่งแกลืมใส่ลูกจากให้เจ้าเพื่อนโจ๋ของผม...


ลูกจาก (คนละอย่างกับลูกชิดนะจ๊ะ)

.. เจ้าเพื่อนแสบพยายามร้องขอสิทธิการได้ลูกจากอาแปะ...แต่อาแปะก็ยังไม่สนองตอบ.. จนกระทั่งเจ้าเพื่อนแสบอดรนทนไม่ได้แหวกวงล้อมเด็กเล็กบุกเข้าประชิดโหลลูกจากพร้อมตักลูกจากในโหลเต็มทัพพี....พรวด! .ใส่ในถ้วยน้ำแข็ง จนอาแปะตาค้าง...ตะโกน “อย่า ๆ อาตี๋” เสียงหลง

  แต่ที่มันแสบกว่าก็คือ...พวกเล่นจ่ายตังค์ให้อาแปะแค่ครึ่ง บอกว่าอีกครั้งพรุ่งนี้ค่อยจ่าย!

วันนี้.... ถ้าอาแปะแกยังมีชีวิตอยู่ อายุอานามก็น่าจะปาเข้าไปร้อยปีเศษ!

วันก่อน....เจอเพื่อนเก่า...เลยถามไถ่เรื่องนี้ก็ทราบว่า.... เงินค้าง 1 บาท ได้จ่ายอาแปะเป็นที่เรียบร้อยในวันต่อมา แต่สิ่งที่ค้างคาใจเจ้าเพื่อนรัก..จนวันนี้ก็คือ วีรกรรมตักลูกจากอย่างเพลินในวันนั้น

  นอกจากที่จะต้องอุทิศส่วนบุญให้แกทุกครั้งที่มีโอกาสทำกุศลแล้ว......สิ่งที่เพื่อนยังพูดเสมอก็คือ เมื่อวันเวลาผันผ่านจนวันนี้มีอาชีพการงานในราชการใหญ่โตแะลูกเต้าก็โตเป็นหนุ่มสาวกันหมด แต่สิ่งที่ค้างคาก็คือ ไม่มีโอกาสได้กล่าวคำว่า “ขอโทษ” กับอาแปะแกสักครา

วันนี้..มีโอกาสเขียนอะไรก็ขอ ระบายความรู้สึกในใจแทนเพื่อไปยังอาแปะ (ถ้าจะรับรู้ได้) ก็คือ “

อาแปะรู้มั้ยว่า สิ่งที่เพื่อนผมมันอยากจะบอกอาแปะจนวันนี้ก็คือ ..."อาแปะ..ผมขอโทษ!”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น