วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

เรื่องจริงผ่านจอกับ "อินประดับ" ซีรีส์ (อีกครั้ง)




ก่อนหน้าผมเขียนถึง "อินประดับ แฟมิลี่" มีคนเมล์มาถามว่า เมื่อไหร่จะเขียนเรื่องดี ๆบ้าง....ก็ต้องบอกว่า

เรื่องดีๆ น่ะค่อยว่า....แต่ตอนนี้ ขอเรื่องฮา ๆ ก่อน....

ใช่ว่าผมจะมีปัญหาส่วนตัว อะไรกับ ตระกูลอินประดับ แห่งสงขลาวัฒนา ที่พาเหรดแห่กันมาเรียนที่นี่ตั้งแต่รุ่นพี่ยันรุ่นหลาน

นี่ถ้าไม่นับยุคโรงเรียนประพันธวิทยาด้วย งานนี้ บอกคำเดียวว่า  “อินประดับ” ซี่รีส์ น่าจะยาวจนนับได้เป็น มหากาพย์!
นับจาก "อินประดับ" รุ่นพี่มาถึง Generation ที่สอง นามว่า  จักรวาล อินประดับ พี่ชายผู้เคร่งครัดในการควบคุมฝูงชนขนคนมาโรงเรียน ซึ่งมีทั้งน้องสาว,น้องชาย ตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งน้อง ๆ เติบใหญ่ และเริ่มเห็นว่าขืนเดินตามต้อยๆ พี่ชายมาโรงเรียนซึ่งพักหลังเริ่มจะมีปัญหากับป้าเหลิมบ่อย ๆ กับกรณี “มาสายสนิท...ศิษย์(อื่น)สายหน้า” ทั้งน้องสาว,น้องชายก็บ๊ายบายอำลา ของบินเดี่ยว ดีกว่าโดนไม้เรียวตอนหลังแปดโมงครึ่งเป็นไหน ๆ


ที่บอกว่า “แพะ” มันมีที่มา เพราะเหตุต้องมา "รับบาป" ในบ่ายแก่ ๆ วันหนึ่งในห้อง ม.2 ที่กำลังอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายเกินจะควบคุม เพราะครูประจำวิชา ต้องมีอันต้องลาหยุดกะทันหัน .. จึงเข้าตำรา "ครูไม่เข้า" ก็เลยไม่มีใคร "เอา(พวกนี้)อยู่"

ภาพของความวุ่นวาย ล้งเล้ง..จนครูที่สอนห้องข้าง ๆ ต้องเล่น "ว๊ากเพ่ย!"  แบบหนังจีนกำลังภายใน คว้าแปรงลบกระดานดำปลิวข้ามห้องเป็นเครื่องกำนัลสำหรับตักเตือนความป่วนจนเวียนหัวของก๊วนในห้องนี้..

พักนึง..เสียงวุ่นวายกลายเป็นเงียบกริบ....พร้อมกับเสียงวี๊ดว๊ายของเด็กหญิง...และเด็กชายบางคน (ที่สุดท้ายเมื่อโตแล้วก็ได้กลายเป็นหญิงสมใจในเวลาต่อมา )

เสียงเงียบผิดสังเกตุทำให้เด็ก ๆ ห้องติดกันต้องวิ่งไปดูเหตุการณ์

ภาพที่ปรากฏยิ่งกว่า “เรื่องจริงผ่านจอ” เพราะพวกเล่นปาลูกดอกโดยมีเป้าคือ กระดานดำ.. แต่วินาทีเจ้ากรรม เป้าดำ ๆ ที่ลูกดอกวิ่งไป “ปุ๊!”  ดันกลายเป็นพุ่งเข้าหัวเกรียน ๆ ของ  พ่อ(เกือบ)หล่อล่ำ นาม “เสวก อินประดับ” แทน


หน้าห้องเรียนชั้นบน สงขลาวัฒนา

เสียงวี๊ดว๊าย..ทำให้ แพะเจ้ากรรมเริ่ม(พอ) จะรุ้สึกว่ามีอะไรผิดสังเกตุกับหัวเกรียน ๆ จึงหันซ้าย หันขวา ถามหาว่าเกิดอะไรขึ้น..?  พร้อมๆ กับค่อย ๆ เอื้อมมือไปกระตุกเจ้าลูกดอกตัวดีออกจากเป้าที่ไม่พึงประสงค์.. ตามด้วยเลือดแดง ๆ ค่อย ๆ ซึมตามออกมา  ..พร้อม ยิ้ม แสยะเล็ก ๆ ที่หลายคนยังสงสัยว่า มันทำเพราะ เจ็บ หรือ สะใจ

 “ไอหยา!...มีเลือดออกด้วย!” เสียงเหวอ..จากไอตี๋ ตัวเล็กชั้นประถมที่มีแววเอาดีเป็นนักข่าวตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย โผล่มาจากไหน เค้ามาร่วมวง “มุง” กะเค้าด้วย ทั้งที่ถิ่นพำนักของตัวเองนั้นอยู่ชั้นล่างแท้ๆ


ทุกคนตลึงอยู่ในความสงบ..เงียบสงัด ไร้เสียงตะโกน  "อุดมฆ่ามานิช" แบบ โน๊ตเดี่ยว9

และที่น่าประหลาด..ที่ มิสเตอร์เสวก จอมอึดกลับเดินออกจากห้องไปเฉย..ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น  ... ข่าวลือที่ว่าเดินไปห้องพยาบาล กลับกลายเป็นว่า มันแค่เดินไป “เยี่ยว!”

นี่ละมัง... มันถึงได้ฉายาในหมู่ว่า “ยักษ์มึน” เพราะอึด และทน ได้มากกว่า  ไอ้เด็กที่โดนกรณีเดียวกัน อย่างที่ โน้ตเดี่ยว 9 เค้าเล่าไว้...


Herman หนังดังในยุค 60-70

เพราะแค่เลือดซึม จิ๊บ ๆ  น้อยกว่าไฮโซจิบไวน์... แถม “เสวก” คนนี้ ยังเป็น เด็กชายในเมืองหรู หาได้ ดูมีแวว“เซาะกราววว” แบบ จำเลยใน เดี่ยว 9 โน้ตอุดมไม่

เรื่องจริงผ่านจอ...กลายเป็นรอเวลาฮา เมื่อเวลาผ่านพ้นมาอีกหลายสิบปี ...เล่ากี่ที เรื่องนี้ยังมีฮา  เพราะมันเรื่องจริง ๆ เจ็บจริง ไร้สแตนอินแบบนี้  ไม่ได้โม้ ...ขอบอก

ถ้าไม่เชื่อ...ต้องถาม สุภัทร์ อินประดับ(จูเนียร์) น้องชาย หรือถ้าให้แน่ต้อง นายวีระศักดิ์ สาระวิโรจน์ น้องชายสุดโปรดครูสมชาย (พละศึกษา) เจ้าตำรับการเล่าเรื่องนี้...

เพราะฟังมันเล่ากี่ที...ก็ทำท่าทางเดิม ๆ คือ ส่ายหัว คิก ๆ   แบบปลงสังเวช.. และจบลงที่คำเดิมคือ  “ กูเห็นลูกดอกมันปักหัวมันทีไร..นึกถึงหน้าไอเฮอร์แมนทุกที...คนห่  ...ไรวะ หนังหัวหนายิ่งกว่าฮิโป....ฮา.”
 ......................................................................................................


หมายเหตุ :  เสวก อินประดับ สงขลาวัฒนา 2525 ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัว พร้อมพ่วงตำแหน่ง อส.ดีเด่นประจำเทศบาลตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่.

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1 กันยายน 2558 เวลา 11:04

    ดีครับอินประดับครับขอบคุญที่นึกถึงครอบครัวผมครับ

    ตอบลบ